วันเสาร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2554

The Winner of Golden Globe Award 2011 & Oscar : Best Foreign Film nomination 2011


ประกาศออกมาแล้วกับรางวัล"ลูกโลกทองคำ" มีทั้งตัวเต็งและม้ามือคว้ารางวัลกันมากมาย เรามาดูกันว่ามีหนังเรื่องกันบ้างที่ได้รางวัลไป

Best Motion Picture - Drama
WINNER: The Social Network

Best Performance by an Actress in a Motion Picture - Drama
WINNER: Natalie Portman จาก "Black Swan"

Best Performance by an Actor in a Motion Picture - Drama
WINNER: Colin Firth จาก "The King's Speech"

Best Motion Picture - Comedy Or Musical
WINNER: Annette Bening จาก "The Kids Are All Right"

Best Performance by an Actor in a Motion Picture - Comedy or Musical
WINNER: WINNER: Paul Giamattiจาก "Barney's Version"

Best Performance by an Actress in a Supporting Role in a Motion Picture
WINNER: WINNER: Melissa Leo จาก "The Fighter"

Best Performance by an Actor in a Supporting Role in a Motion Picture
WINNER: Christian Bale จาก "The Fighter"

Best Director - Motion Picture
WINNER: David Fincher จาก "The Social Network"

Best Screenplay
WINNER: Aaron Sorkin, "The Social Network"

Best Mini-Series or Motion Picture Made for Television
Winner: "Carlos" (2010)

และอีก 1 สาขาที่น่าจับตามองคือ สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม ซึ่งผู้คว้ารางวัลนี้ไปครองคือเรื่อง "In a Better World," จาก Denmark
ที่เบียดเอาชนะหนังตัวเต็งอย่าง "Biutiful" จากสเปน และ "I Am Love," จาก Italy ไปได้


มาต่อกันที่การประกาศผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์กันบ้าง ที่งวดเข้ามาทุกที โดยปีนี้จะประกาศรางวัลวันที่ 27 กุมภาพันธ์นี้
จาก 66 เรื่อง คัดเหลือเพียง 9 เรื่อง ดังนี้
Algeria, “Hors la Loi” (“Outside the Law”), Rachid Bouchareb, director;
Canada, “Incendies,” Denis Villeneuve, director;
Denmark, “In a Better World,” Susanne Bier, director;
Greece, “Dogtooth,” Yorgos Lanthimos, director;
Japan, “Confessions,” Tetsuya Nakashima, director;
Mexico, “Biutiful,” Alejandro Gonzalez Inarritu, director;
South Africa, “Life, above All,” Oliver Schmitz, director;
Spain, “Tambien la Lluvia” (“Even the Rain”), Iciar Bollain, director;
Sweden, “Simple Simon,” Andreas Ohman, director.

เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่หนังเรื่อง "ลุงบุญมีฯ" และ "Of Gods And Men" จากฝรั่งเศส ที่คว้ารางวัลปาล์มทองคำและกรังปรีซ์ตามลำดับ ไม่ได้ผ่านเข้ารอบในครั้งนี้ด้วย

วันเสาร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2554

2 FILHOS DE FRANCISCO


จิตวิญญาณ ของ FRANCISCO

**** บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์


"They said he was a dreamer. 
They used to call my father crazy.
But we were the crazy ones. 
He was the one who was right..."

ความฝันของพ่อแม่ทุกคน คือการได้เห็นความสำเร็จของลูก เช่นเดียวกันกับ Francisco

FRANCISCO ชายที่ถูกกล่าวหาว่า "บ้า"เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวของลูกหลายคน นับแต่ลูกชายคนแรกถือกำเนิดมา เขาก็ตั้งความหวังว่า จะมีลูกชายเป็นนักร้องดูโอที่โด่งดัง  ชีวิตของครอบครัวนี้ดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันที่ Mirosmar ลูกชายคนโต เดินขึ้นเวทีไปร้องเพลง แต่การขึ้นเวทีครั้งแรกของเด็กชายคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทั้งอาการประหม่า และการไม่เคยฝึกซ้อมมาก่อน การร้องเพลงของเค้าเข้าขั้นย่ำแย่มาก ไม่น่าแปลกใจเลยที่เด็กน้อย Mirosmar จะรู้สีกอับอายและผิดหวังมาก ไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อ หากแต่ Francisco กลับให้รางวัลในความพยายามอย่างที่สัญญาไว้ตอนแรกเพื่อปลอบขวัญลูกของเขา และหลังจากนั้นไม่นาน "พ่อ" ก็ขนข้าวของมากมายแม้กระทั่งปืน 1 กระบอกที่เป็นมรดกจากพ่อของ Francisco เพื่อแลกกับแอคคอร์เดียนและกีตาร์ อย่างละ 1 ตัว มาให้ลูกชายทั้ง 2 คน โดยหวังว่าทั้งคู่จะกลายเป็นศิลปินดูโอที่มีชื่อเสียงสักวันนึง
 

ในขณะเดียวกัน Francisco หาใช่คนหาเช้ากินค่ำธรรมดา  แต่เขากลับมีความคิดก้าวหน้าที่จะเปิดโรงเรียนสำหรับเด็กๆในละแวกใกล้บ้านรวมถึงลูกของเขาเอง เพื่อที่เด็กๆจะได้ไม่ต้องเดินทางไปโรงเรียนอีกแห่งซึ่งอยู่ไกลออกไปอีกฟากหนึ่งของหมู่บ้าน เด็กๆต่างมีความสุข  แต่คนรอบข้างหาว่าเขาบ้า โดยเฉพาะพ่อตาของเขาเอง
                จนกระทั่งชีวิตของทุกๆคนในบ้านต้องเปลี่ยนไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อ Francisco ติดเงินค่าเช่าพ่อตาเป็นเวลานาน หลังจากถูกยึดที่คืนไปทั้งบ้าน ไร่ข้าวโพด และโรงเรียนที่พึ่งเปิดได้ไม่นาน Francisco พาครอบครัวลาจากบ้านเกิดมาหางานทำใหม่เป็นคนทำงานก่อสร้าง ส่วนบ้านใหม่ของเค้าก็คือบ้านร้างที่สภาพดูจะพังมิพังแหล่ ทุกคนอยู่อย่างลำบากยากแค้น


                ในที่สุดสองพี่น้องก็หอบหิ้วเอาแอคคอร์เดียนและกีตาร์ออกร้องเพลงในสถานีขนส่งเพื่อแลกกับเงินจากคนแถวนั้น และแล้วก็เหมือนโชคเข้าข้างเมื่อชายคนหนึ่งอ้างตัวว่าเป็นเอเยนต์พร้อมจะผลักดันให้เด็กทั้งสองโด่งดังไปทั่วประเทศได้ แม้แม่จะไม่เห็นด้วยแต่ผู้เป็นพ่อก็พร้อมที่จะเสี่ยง หลังเอเยนต์ให้คำมั่นสัญญาว่าจะพาเด็กไปเพียงอาทิตย์เดียว แต่สุดท้ายกลับหายไปนานถึงสี่เดือน ไร้การติดต่อ ถึงขนาดที่ Francisco ออกตามหาก็ยังไม่เจอ ในระหว่างสี่เดือนนี้สองพี่น้อง Mirosmar และ Emival ต่างเก็บเกี่ยวประสบการณ์การร้องเพลงตามร้านอาหารเรื่อยมา แต่ตัวน้องชาย Emival ค่อนข้างคิดถึงบ้านและไม่อยากร้องเพลงแล้ว แตกต่างจากพี่ชายที่มีความสุขกับการร้องเพลงเล่นดนตรี เมื่อเอเยนต์พาทั้งสองกลับบ้าน Francisco และ ภรรยาย Helena ต่างไม่พอใจเอเยนต์คนนี้มาก จึงปฏิเสธการออกทัวร์อีกครั้ง แต่หลังจากผู้เป็นพ่อพยายามผลักดันลูกชายเองก็พบว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สุดท้าย Francisco จึงจำยอมให้เอเยนต์คนเดิมพาเด็กๆออกทัวร์อีกครั้ง โดยหารู้ไม่ว่าการเดินทางครั้งนี้จะนำมาซึ่งการสูญเสียครั้งใหญ่ เพราะไม่นานรถที่เอเยนต์และเด็กทั้งสองนั่งมาก็เกิดอุบัติเหตุรถชน ทำให้ Emival น้องชายเสียชีวิตทันที ด้วยเหตุนี้เองทำให้ Mirosmar เลิกเล่นแอคคอร์เดียนไประยะหนึ่ง


                หลายปีผ่านไปเด็กน้อย Mirosmar เติบโตเป็นหนุ่มใหญ่ก็ยังยึดการร้องเพลงเป็นอาชีพ โดยร่วมร้องกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง และเปลี่ยนชื่อตนเองเป็น Zeze ไม่นานชื่อของเขาก็เริ่มเป็นที่จดจำ แต่เพลงของเขาก็ได้รับความนิยมอยู่เพียงระยะหนึ่ง
                ในวันที่ชีวิตเริ่มแย่ น้องชายอีกคน Welson ก็ก้าวเข้ามาทำวงดูโอคู่กับเขา  จนในที่สุดทั้งคู่ได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงแห่งหนึ่ง ภายใต้ความกดดันจากเจ้าของค่ายที่ดูไม่มั่นใจในผลงานของทั้งคู่ ทำให้ Zeze พยายามอย่างหนักในการแต่งเพลง แต่จนแล้วจนรอดทางค่ายก็ไม่ยอมออกอัลบั้มขายสักที เมื่อทั้งคู่กลับบ้านพร้อมหยิบเพลง single แรกติดตัวมาด้วย ทุกคนต่างชื่นชมในความสำเร็จอีกก้าวของลูก แต่ทันทีที่ผู้เป็นพ่อรับรู้เรื่องราวว่าทางค่ายยังไม่พร้อมออกเทปให้ลูก เขาจึงเกิดไอเดียว่าถ้าอย่างนั้นเขาจะพิสูจน์ให้ดูว่าคนในประเทศชอบเพลงของลูก เขาจึงเริ่มโดยการนำเทปเพลงไปฝากยังสถานีวิทยุแห่งหนึ่ง และปลอมเสียงเข้าไปขอเพลงทุกวัน วันละหลายๆครั้ง และเริ่มชักชวนเพื่อนในที่ทำงานให้โทรไปขอเพลงบ้าง โดยเขานำเงินเดือนทั้งหมดไปแลกเป็นเศษเหรืยญแล้วแจกจ่ายให้เพื่อนใช้หยอดตู้โทรศัพท์สาธารณะโทรไปขอเพลง และแล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้นเมื่อเพลงของ Zeze และ Luciano (ชื่อใหม่ของ Welson) ติดอันดับเพลงยอดฮิตในที่สุด จนท้ายที่สุดอัลบั้มของทั้งคู่ทำยอดขายได้ถึง 20 ล้านตลับ !! แน่นอนความสำเร็จนี้ย่อมเกิดจากตัวผลงานที่มีคุณภาพ แต่ขณะเดียวกันหากขาดคนผลักดันเช่นพ่ออย่าง Francisco ในวันนี้อาจไม่มีคู่ดูโอที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดของบราซิลอย่าง Zeze และ Luciano ได้
                
ตลอดทั้งเรื่องเราจะได้ฟังบทเพลงเพราะๆสไตล์คันทรีของบราซิลหลากหลายเพลง ซึ่งล้วนแต่เป็นผลงานของ Zeze และ Luciano โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ของแต่ละเพลงจะสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ในวัยเด็กของทั้งคู่

Breno Silveira ผู้กำกับเล่าเรื่องที่อิงจากกลุ่มคนที่มีชีวิตอยู่จริงได้อย่างสวยงาม มีพลัง หนังมีบรรยากาศของความหวัง การให้กำลังใจอยู่ตลอดเวลา การถ่ายภาพภูมิประเทศที่สวยงาม ให้ความรู้สึกถึงความเป็นอยู่ของชุมชนนั้นๆ

จิตวิญญาณที่ไม่เคยยอมแพ้ ถ่ายทอดผ่านการแสดงที่ทรงพลังของ Angelo  Antonio (Francisco)
รวมทั้ง Dira Paes ในบทแม่ (Helena), “Mirosmar” ในวัยเด็ก (Dáblio Moreira) และ “Emival” (Marcos Henrique) ไม่น่าแปลกใจที่ทั้งสี่คนจะกวาดรางวัลจากหลายหลากสถาบันมาครองได้

                หลังการออกฉายในประเทศบ้านเกิด 2 Filhos De  Francisco กลายเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จที่สุดในรอบ 25 ปีของบราซิล