วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2553

SOMEWHERE



Somewhere ผลงานหนังเรื่องล่าสุดของผู้กำกับหญิง โซเฟีย คอปโปล่า
ซึ่งสำรวจชีวิตดาราฮอลลีวู้ดหลังผ่านพ้นช่วงชีวิตเสเพล ชนะรางวัลสิงโตทองคำจากเทศกาลหนังเมืองเวนิซครั้งที่ 67 ซึ่งประกาศผลไปเมื่อวันเสาร์ที่ 11 กันยายน 2010

ผลรางวัลดังกล่าวค่อนข้างสร้างความประหลาดใจเนื่องจากหนังเรื่องนี้ได้รับเสียงวิจารณ์ก้ำกึ่ง ขณะที่ เควนติน ตารันติโน่ ผู้กำกับชื่อดังซึ่งเป็นประธานกรรมการตัดสินปีนี้เปิดเผยว่าคะแนนการตัดสินคราวนี้ผลเป็นเอกฉันท์

Somewhere เล่าชีวิตของ Johnny Marco (Stephen Dorff) ดาราฮอลลีวู้ดหนุ่ม ผู้ผ่านคืนวันอันหรูหรา ชีวิตของเขาติดหล่มอยู่กับปารตี้ ยา และผู้หญิงมากหน้าหลายตา ก่อนจะพบกับความเปลี่ยวเหงา เหนื่อยหน่ายในเวลาต่อมา วันหนึ่งชีวิตก็ถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อพบ Cleo ลูกสาววัย 11 ขวบที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน
หนังไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ สังคม หรือ เหตุการณ์รายล้อมใดๆ แต่ถ่ายทอดความรู้สึกผ่านมุมมองของตัวละครต่างๆ

Stephen Dorff นักแสดงที่ "Underrated" คนหนึ่งในวงการ กับบทนำ Johnny Marco  เป็น cast ที่น่าสนใจ Dorff เป็นนักแสดงฝีมือดี ที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าที่ควร บทของ Marco ก็ดูใกล้เคียงกับ Dorff เพราะหลังจากแจ้งเกิดจากบทเด่น Stu Sutcliff ... Beatle คนที่ 5 ในBackbeat แล้ว Dorff มีงานออกมาสมำเสมอ แต่ก็ไม่ค่อยมีบทที่โดดเด่นเท่าไร

Ell Fanning น้องสาวของ Dakota Fanning เปล่งประกายเจิดจ้ามากในบท Cleo ลูกสาวของ Johnny ผู้ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน

Sophia ลูกสาวของผู้กำกับระดับตำนาน ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า ซึ่งโด่งดังจาก Lost in Translation สร้างหนังโดยอิงจากประสบการณ์ชีวิตของเธอเองที่วัยเด็กต้องติดตามพ่อจากโรงแรมหนึ่งไปยังอีกโรงแรม “ขอบคุณคุณพ่อสำหรับสิ่งที่สอนให้ฉันค่ะ” เธอกล่าวขณะรับรางวัล

วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Flipped…. เด็กหญิงมองการณ์ไกล กับ เด็กชายไร้วิสัยทัศน์





"Sometimes a little discomfort
in the beginning...
...can save a whole lot of pain
down the road."


Flipped เริ่มเรื่องอย่างง่ายๆ และ ตรงไปตรงมา ในฤดูร้อนของ ทศวรรศ ที่ 50"รักครั้งแรกอันแสนอึดอัดใจ" เริ่มขึ้นขณะที่  Bryce Loski กำลังจะย้ายเข้าไปในบ้านใหม่ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนของ เด็กหญิงน่ารัก แต่เปิดเผย ห้าวหาญ Juli Baker …

เด็กหญิง Juli  ตกหลุมรัก Bryce วัย 7 ขวบ ตั้งแต่แรกพบ และไม่เคยให้ความสนใจเด็กหนุ่มคนใดอีกเลย ในขณะเดียวกับที่ Bryce ทำทุกวิถีทางเพื่ออยู่ให้ไกลจาก  Juli ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

Juli และ Bryce ไม่มีอะไรที่ใกล้เคียงกันเลย ไม่ว่าจะเป็น ความเป็นอยู่ ฐานะทางบ้าน นิสัยใจคอ ทัศนคติ สิ่งเดียวที่ใกล้กัน คือ บ้านที่อยู่ตรงข้าม และ เรียนโรงเรียนเดียวกัน

สิ่งชื่นชอบของ Julie คือการปีนขึ้นไปบนต้น sycamore เพื่อที่เธอจะได้มองเห็นทุกอย่างได้ไกลกว่าคนอื่น ! ในขณะเดียวกับที่  Bryce มักจะยืนอยู่ใต้ต้นไม้ โดยมอง Julie อย่างไม่เข้าใจว่าเธอทำไปเพื่ออะไร



Juli กล้าหาญที่จะต่อสู้ในสิ่งที่เธอเชื่อ แต่เด็กชาย Bryce ไม่ค่อยกล้าเผชิญหน้ากับ ปัญหา สิ่งเหล่านี้ถ่ายทอดผ่านวิธีการเลี้ยงดู การสั่งสอน ของผู้ใหญ่ในบ้านของเด็กทั้งสอง ซึ่งแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด .. Bryce คงจะเป็นเด็กชายไร้วิสัยทัศน์ต่อไป ถ้าไม่มีการมาถึงของคุณตาของเขา

"Sometimes a little discomfort
in the beginning...
...can save a whole lot of pain
down the road."

คำเตือนจากคุณตาที่น่าจะเปลี่ยนชีวิตของ Bryce หลังจากที่ เขาได้ทำเรื่องที่น่าละอาย

หนังแสดงความซับซ้อนของความรู้สึกขัดแย้งในใจของตัวละครเอกอยู่ตลอดเวลา ถ่ายทอดผ่านสายตา ผ่านความคิด และการเล่าเรื่องของเด็กทั้งสอง ผ่านการตีความ เวลาของเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงของพวกเขาในช่วงเวลา ไม่กี่ปี

ทีมนักแสดงเด็กๆทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี และยังได้ back up ชั้นยอดจากทีมนักแสดงสมทบรุ่นใหญ่ อาทิ Anthony Edwards (Dr. Mark Greene จากซีรียส์ ER) ซึ่งเล่นเป็นพ่อของ Bryce, John Mahoney ตาของ Bryce ที่รู้สึกว่า ความสัมพันธ์ ของ Bryceกับ เด็กหญิงบ้านตรงข้าม สะท้อนความรักของเขากับคุณยายผู้จากไปแล้ว นอกจากนี้ยังมี Aidan Quinn , Penelope Ann Miller ,Rebecca De Morne

หนังมีความแยบยลของวิธีการเล่าเรื่อง ด้วยการเล่าเรื่องแบบสลับไป สลับมา จากหลังไปก่อน จากก่อนไปหลัง ในมุมมองของเด็กทั้งสองอยู่ตลอดเวลา

หนังให้ความรู้สึกถึง ความซื่อสัตย์ ความสดชื่น ผ่าน เด็กชายกับเด็กหญิง  ความเข้าใจผิด  ความรู้สึกของความคิดถึง ความรู้สึกผิดละอายใจ และบทเรียนที่น่าจดจำในชีวิตไปพร้อมกัน 


Flipped ของ Rob Reiner (Stand By Me) สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับหนังครอบครัว เป็นหนึ่งในหนัง coming of age และ หนัง family ชั้นดีที่ไม่สมควรมองข้ามของปี

วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

LIVERPOOL


 Liverpool (2008) เป็นหนึ่งในงานไตรภาคที่ได้รับการกล่าวขานถึงมากที่สุดในวงการภาพยนตร์ร่วมสมัย ของLisandro  Alonso (อีก 2 เรื่อง คือLa libertad: 2001, Los muertos:2004 ) นอกจากธรรมชาติใจอันเกรี้ยวกราดแล้วหนังของ Alonso ยังถึงพร้อมด้วยคุณลักษณ์โหดหินยิ่ง แค่จะหามาดูมายลก็เลือดตาแทบกระเด็น..
Farrel เป็นกลาสีผู้แปลกแยกและลึกลับ เขามากับเรือสินค้าที่มีปลายทางอยู่ที่ยูเชอเีอีย(Ushuaia) เมืองใต้สุดของโลก พอถึงที่หมายเสร็จสรรพเขาก็ขออนุญาตกัปตันเรือไปเยี่ยมแม่ โดยที่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นตายร้ายดีประการใด ดวงวิญญาณเขาชอกช้ำ ติดเหล้าและเข้าสังคมไม่ได้ เช่นเดียวกับชาวอาร์เจนไตน์มักเป็น

Farrel แบกอดีตอันคลุมเครือคืนสู่เหย้า เขาเดินทางลึกเข้าไปใน Tierra del Fuego ดินแดนสุดทุรกันดาร มุ่งไปยังโรงเลื่อยที่ซึ่งมีภูมิอากาศหฤโหดบ้าคลั่ง ไม่ปราณีแก่ทุกชีวิตที่ล่วงล้ำ ณ ที่นั่นเขาได้พบกับ 3 ชีวิต แม่ที่กำลังจะสิ้นลม เธอจำเขาไม่ได้ อีกคนเหมือนจะเป็นน้องสาวของเขา เธอพิการ  และอีกคนเป็นชายแก่ที่คอยดูแลผู้หญิงสองคนนั่น   ฟาร์เรลขลุกอยู่ที่นั่น 2-3 ชั่วโมง จากนั้นก็ตกลงใจบ่ายหน้ากลับสู่การเดินทางของตน จรดเท้าจากไป ปล่อยให้เรื่องราวขับเคลื่อนไปโดยปราศจากตัวเขา

Farrel ไม่ใยดีครอบครัวได้ หนังก็ทิ้งขว้างเขาเป็นการตอบแทนได้เช่นกัน ฝีภาพก่อน ๆ จะเห็นภาพสถานที่ที่ครั้งหนึ่งฟาร์เรลเคยทิ้งไว้เบื้องหลังซึ่งกล้องผูกเป็นปมทิ้งไว้ตามรายทาง เหมือนเป็นการคาดเดาการตัดสินใจของเขาในกาลต่อมา  การเปลี่ยนมุมมองดังกล่าวถือว่ามีนัยยะเข้มข้นสำหรับผู้กำกับสมถะนิยม (a minimalist film-maker)อย่างอลอนโซทั้งยังนับเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของขนบการผลิตงานของเขาด้วย


credit : enyxynematryx

IT'S NOT ME I SWEAR ! หนูไม่รู้ กูไม่ผิด


"It's bad to lie … 
but it's worse to lie badly"

วรรคทอง ที่แม่ของ leon บอกลูกอยู่เสมอ


หนังเริ่มเรื่องด้วยภาพของเด็กชายคนหนึ่งพยายามฆ่าตัวตายโดยการผูกคอตาย โดยเหตุผลอันใดไม่ทราบ .. Leon เด็กชายวัย 10 ขวบ ผู้เต็มไปด้วยปัญหาชีวิต เขาเอาไข่ปาหลังคาบ้านข้างๆ เป็นกิจวัตร,ทำลายทรัพย์สินเพื่อนบ้าน ทรัพย์สินของรัฐ,เขาโกหกจนกลายเป็นเรื่องเคยชิน, ล่นพิเรน, ขโมย และพยายาม "เอาชีวิตตัวเอง" อยู่ตลอดเวลา (10 ขวบเนี่ยแหละ ไม่ผิดหรอก) ... 
เขาใช้การ ฆ่าตัวตาย เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนลงโทษในบางครั้ง
เนื่องด้วยพ่อกับแม่ที่ทะเลาะกันเป็นประจำ ทำให้ Leon กลายเป็นเด็กมีปัญหา และก่อเรื่องกับคนอื่นทั้งในบ้าน นอกบ้าน ให้แม่ของเขาต้องปวดหัวและตามแก้ปัญหาอยู่เสมอ ... อย่างไรก็ตาม ไม่ว่า Leon จะก่อเรื่องสักเพียงใด แม่ก็ยังเข้าข้างเขาอยู่เสมอ แถมบางครั้งยังสอนให้ Leon โกหกให้เนียนขึ้นด้วย 
นั่นทำให้ leon ผูกชีวิต ของเขาไว้กับแม่ที่เขารักมาก เขาคิดว่ามีแต่แม่คนเดียวที่เข้าใจเขา


เมื่อวันหนึ่ง แม่ของเขาขัดแย้งกับพ่อมากขึ้น เธอตัดสินใจที่จะจากบ้านเพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ Greece..
Leon และ พี่ชายของเขาต้องต่อสู้อย่างหนักที่จะยอมรับความรู้สึกนี้และพยายามหลายวิธีที่จะติดต่อกับแม่ เช่นการวิ่งหนีไปยังกรีซ, พยายามที่จะได้ยินเสียงของแม่ หรือ พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหาที่อยู่ของแม่ให้ได้ เพื่อลบล้างความเจ็บปวดของตัวเอง..



จนกระทั่งวันหนึ่ง การมาของหญิงสาวคนหนึ่ง ทำให้ leon ได้รับข้อความและเบอร์โทรศัพท์ของแม่
แผนการของของเขาจึงเริ่มขึ้น นั่นหมายถึง "หายนะ" ที่แท้จริงของคนรอบข้าง และ เพื่อนบ้าน


เด็กนรก Antoine L'Écuyer ( Leon ) เล่นได้ดีจนคว้ารางวัล Best Actor จาก Atlantic Film Festival มาครอง

The Happiest Girl in The World (AKA: Cea mai fericita fata din lume )



คุณคิดว่าตนเองโชคดีแค่ไหนหากชนะรางวัลเป็นรถยนตร์คันหรูจากการส่งฉลากชิงโชคไม่กี่ใบ ?
เช่นเดียวกับ Delia สาวน้อยวัย 18 ที่ไม่เพียงได้รับรางวัลเป็นรถยนตร์หนึ่งคัน
แต่ยังได้รับโอกาสเล่นโฆษณา ที่มีเนื้อหาว่าเธอคือผู้โชคดีจากการชิงรางวัลครั้งนี้
ทุกๆอย่างเหมือนจะดำเนินไปได้ด้วยดี หากเพราะพ่อแม่ของเธอต้องการขายรถคันนี้
เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในบ้าน แทนที่เธอจะได้เก็บรถไว้ใช้เอง ผสมกับเหตุการณ์ความวุ่นวาย
หลายๆอย่างในกองถ่าย ที่ทำให้เราตั้งคำถามว่าแท้จริงเธอคือผู้หญิงที่โชคดีที่สุดจริงหรือไม่

โดยรวมแล้วโทนหนังดูเป็น Comedy แต่แฝงไปด้วยการจิกกัด เสียดสีปนดราม่า
ที่ผู้กำกับตั้งใจสะท้อนสภาพสังคมบริโภคนิยมในปัจจุบันได้อย่างแสบๆคันเลยทีเดียว
ช่วงที่ เป็นการ ถ่ายทำโฆษณา นี่ บอกได้ทันทีว่า ลูกค้า เป็นเหมือนกัน พุดประโยดเดียวกัน ทั้งโลกเลย ป่วงจริงๆ
การแสดงของนักแสดงสาวที่รับบท Delia ในความเห็นส่วนตัวเธอเล่นได้อย่างเป็น
ธรรมชาติมาก ราวกับว่านี่คือชีวิตจริงของเธอเอง และสิ่งนี้เองที่ทำให้เรารู้สึก "จริง" ไปกับ
เรื่องราวของหนังด้วย

ตัวหนังได้รับรางวัล C.I.C.A.E. Award จาก Berlin International Film Festival 2009
พร้อมกับอีก 2 รางวัลจาก Palic Film Festival และ Sofia International Film Festival
ในสาขา Best Film (Golden Tower) และ รางวัล FIPRESCI Prize ตามลำดับ



Movie Credit :
Director: Radu Jude
Writers: Radu Jude, Augustina Stanciu
Stars: Andreea Bosneag, Doru Catanescu and Alexandru Georgescu

วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553

นิตยสาร Sight and Sound ประกาศผลโหวตจัดอันดับหนังเยี่ยมแห่งปี 2010

เป็นธรรมเนียมประจำทุกปี เมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายของปี จะมีการจัดอันดับหนังยอดเยี่ยมจากหลากหลายสถาบัน โดยวันนี้เราจะนำการจัดอันดับของนิตยสาร Sight and Sound จากความเห็นของนักวิจารณ์ 63 คนครับ ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่หนังเรื่อง "ลุงบุญมี ฯ " ของคุณ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ติดอันดับ 2 จากการจัดอันดับครั้งนี้ด้วยครับ